ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับรถที่ถูกประมูลด้วยราคาสูงสุด ในปี 2015
10,703อ่าน

10 อันดับรถคลาสสิกมูลค่าสูงที่สุดในโลกซึ่งถูกประมูลโดยนักสะสมภายในปี 2015
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ารถคลาสสิกเหล่านี้จะเป็นที่ต้องการและมีมูลค่ามากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะจินตนาการได้และมีแนวโน้มว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปีต่อไปหากมีการเปลี่ยนมือ ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงรถคลาสสิกส่วนหนึ่งที่ถูกนำมาประมูลผ่านตัวแทนการประมูลชื่อดังจากฝั่งอเมริกาไม่ว่าจะเป็น RM Sortheby\’s, Bonhams, Gooding & Company, Barrett-Jackson, Mecum หรือ Artcurial ของฝรั่งเศส
มีการเก็บข้อมูลไว้เฉพาะภายในปี 2015 ทั้งหมด 10 อันดับ ส่วนจะมีรถยี่ห้อใดรุ่นใดถูกส่งเข้าลานประมูลและสามารถครองอันดับรถคลาสสิกราคาสูงสุดได้ในปีที่แล้วมาติดตามชมกันได้เลย
1982 ปอร์เช่ 956 (Porsche 956)

9. Lotus Evija ราคา 63 ล้านบาท
รถสปอร์ตพลังไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายรถอังกฤษนี้ ซึ่งจัดหนักด้วยการใส่มอเตอร์ไฟฟ้าถึง 4 ตัวแยกในแต่ละล้อ ให้มีกำลังรวมถึง 1,970 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำเวลาอย่างไม่เป็นทางการที่ต่ำกว่า 3 วินาที ส่วนภายในก้ยังมีความเรียบง่ายสมกับเป็นความตั้งใจของผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้ ที่มีปุ่มกดเท่าที่จำเป็น ไม่มีหน้าจอดิจิตอลตรงกลาง ส่วนพวงมาลัยมีดีไซน์แบบสี่เหลี่ยม ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง F1 โดยตรง ทางโลตัสเตรียมทำขายออกมา 130 คันเท่านั้นด้วยราคา 63 ล้านบาท

รถยนต์ Lotus Evija ใช้ไฟฟ้าล้วน มีกำลังรวมถึง 1,970 แรงม้า
8. Rimac C_Two ราคา 63 ล้านบาท
รถสปอร์ตพลังไฟฟ้าอีกค่าย ที่มาจากประเทศโครเอเชีย ในแถบยุโรปเมดิเตอร์เรเนียน มีจุดเด่นที่การใส่มอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 4 ตัวในแต่ละล้อ ทำกำลังรวมได้ 1,888 แรงม้า กับอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ภายในเวลา 1.85 วินาที อย่างไม่เป็นทางการ ส่วนภายในนั้นเต็มไปด้วยหน้าจอดิจิตอลสุดไฮเทค พร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ที่สามารถละสายตาจากถนนได้เลย รถรุ่นนี้เตรียมผลิตออกขาย 150 คันเท่านั้นด้วยราคา 63 ล้านบาทเท่ากับข้อที่แล้ว

รถยนต์ Rimac C_Two รถสปอร์ตจากประเทศโครเอเชีย
7. McLaren Speedtail ราคา 67.5 ล้านบาท
รถไฮเปอร์คาร์รุ่นสูงสุดของค่ายนี้ มีจุดเด่นที่การออกแบบลู่ลมสุด ๆ ด้วยท้ายลาดยาวตามชื่อรุ่น กระจกมองข้างเป็นแค่กล้องตัวเล็ก ๆ แม้กระทั่งล้อแม็กก็ยังออกแบบลดแรงต้านอากาศด้วย เพื่อให้แหวกอากาศด้วยความเร็วสูงสุดถึง 400 กม./ชม. ที่มาจากเครื่องยนต์ไฮบริด ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับบล็อก V8 ทวินเทอร์โบ ให้มีกำลังรวม 1,000 แรงม้า ที่ใช้เวลาเพียง 12.8 วินาที ในการพุ่งถึงความเร็ว 297 กม./ชม.ไปแล้ว ความแรงสุดจี๊ดระดับนี้ ทำออกมาขายแค่ 106 คันบนโลก ด้วยราคา 67.5 ล้านบาท

รถยนต์ McLaren Speedtail ตัวท็อปสุดของค่ายนี้
6. Pagani Huayra Roadster ราคา 72 ล้านบาท
รถสปอร์ตจากอิตาลี Pagani Huayra ถูกพัฒนาเพิ่ม โดยการนำหลังคาออก เพิ่มความแข็งแกร่งให้พื้นห้องโดยสาร กลายเป็นตัวถัง Roadster สุดเซ็กซี่ ที่มีจุดเด่นจากตัวถังใส่ครีบอากาศปรับระดับได้ เพื่อเพิ่มหรือลดแรงยกตัวที่ความเร็วสูง ให้รถเกาะถนนด้วยแรงลม นอกจากนี้ยังใส่เครื่องยนต์ที่หยิบยืมมาจาก Mercedes-AMG บล็อก V12 ความจุ 6.0 ลิตร กำลังสูงสุด 754 แรงม้า จับคู่เกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด ความเปรี้ยวแบบนี้ จะถูกทำออกมาแค่ 100 คัน พร้อมขายแล้วด้วยราคา 72 ล้านบาท หรือใครอยากผ่อน ก็แค่เตรียมเงินดาวน์ 2.1 ล้านบาทไว้รอเลยครับ

รถยนต์ Pagani Huayra Roadster สุดจัดด้วยราคา 72 ล้านบาท
ดูเพิ่มเติม
>> มีเงิน 2 แสน ถอยรถ Mazda 3 โฉมไหน ปีไหนได้บ้าง?
>>Lexus RX 2019 เปิดตัวไมเนอร์เชนจ์ใหม่ งานประณีตจากญี่ปุ่น ราคา 4.23 ล้านบาท
5. Pininfarina Battista ราคา 75 ล้านบาท
พินินฟาริน่า เป็นบริษัทออกแบบยานพาหนะที่ตั้งอยู่ในอิตาลี เคยฝากผลงานในรถสปอร์ตชื่อดังหลายค่าย แต่ปัจจุบัน หันมาทำรถออกขายเองแล้วกับรุ่นนี้ Pininfarina Battista ที่ใช้พละกำลังไฟฟ้าล้วนที่ยืมจากรถ Rimac C_Two แต่ให้รูปร่างสวยเพรียวตามแบบรถอิตาลี โดยให้กำลังสูงสุด 1,877 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ภายใน 2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 347 กม./ชม. หรือถ้าขับแบบทั่วไป ก็จะวิ่งได้ไกลถึง 448 กม. โดยผลิตออกมาขายแค่ 150 คันเท่านั้น ด้วยราคา 75 ล้านบาท

รถยนต์ Pininfarina Battista จากอิตาลี มีราคา 75 ล้านบาท
4. รถแพงสุดในโลก 2019 Mercedes-AMG Project One ราคา 81.6 ล้านบาท
นี่คือรถแข่งในคราบรถสปอร์ตของจริง เพราะว่า Mercedes-AMG Project One ถูกสร้างมาเพื่อใช้แข่งในรายการ Hypercar ตามมาตรฐานใหม่ที่ FIA กำหนดขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ ด้วยการออกแบบตัวรถลู่ลมระดับเดียว F1 ทั้งคัน พร้อมขุมพลังไฮบริด รวมมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่อง V6 ความจุ 1.6 ลิตร ที่ทำกำลังสูงสุดได้ 1,300 แรงม้า ที่ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 2.5 วินาที กับความเร็วสูงสุดที่ 347 กม./ชม. รถรุ่นนี้ทำออกมาขาย 275 คันด้วยราคา 81.6 ล้านบาท

รถยนต์ Mercedes-AMG Project One รถแข่งในร่างไฮเปอร์คาร์ ที่ได้รับความนิยมจากตลาดรถ
3. Koenigsegg Jesko ราคา 84 ล้านบาท
รถสปอร์ตจากสวีเดนค่ายนี้ติดอันดับอีกแล้ว คราวนี้ขึ้นมาถึงอันดับ 3 ด้วยรุ่น Jesko ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ วางตัวเป็นรถระดับสูงกว่ารุ่นเรเกร่า ด้วยการใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ที่ใช้วาล์วเปิดปิดด้วยไฟฟ้า ทำกำลังได้สูงถึง 1,578 แรงม้า โดยไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยใด ๆ ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน E85 เพียว ๆ แล้วจับคู่กับเกียร์ออโต้ 9 สปีด มีขายแล้วเพียง 125 คันด้วยราคา 84 ล้านบาท

รถยนต์ Koenigsegg Jesko รุ่นท็อปสุดของรถจากสวีเดน
2.รถแพงสุดในโลก 2019 Bugatti Chiron ราคา 90 ล้านบาท
Bugatti Chiron คือซูเปอร์คาร์ที่มาแทน Veyron ที่มีรูปทรงใหม่ที่สวยคลาสสิค และยังคงคุณภาพทั้งความสะดวกสบาย ความหรูหรา ความแรงสุดขีด จากเครื่อง W16 เทอร์โบ 4 ตัว รวมกันแล้วได้กำลัง 1,479 แรงม้า ส่งลงล้อทั้ง 4 ด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 2.5 วินาที กับความเร็วสูงสุดที่ 347 กม./ชม. ซึ่งสามารถไปได้เร็วกว่านี้อีก หากใส่ยางคุณภาพดีกว่านี้ในอนาคต ผลิตออกมาขายแค่ 200 คัน ด้วยราคา 90 ล้านบาท
>> บางทีคุณอาจสนใจ รถเบนซ์มือสอง ราคาไม่เกินล้าน

รถยนต์ Bugatti Chiron รถฝรั่งเศสใส่เครื่องเครือโฟล์ค W16
1. Aston Martin Valkyrie ราคา 96 ล้านบาท
อันดับ 1 ของบทความนี้นั่นคือ Aston Martin Valkyrie รถไฮเปอร์คาร์ที่พัฒนามาจากรถแข่งต้นแบบ ซึ่งพัฒนาร่วมกับทีม Red Bull Racing ใช้ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน พร้อมใส่ขุมพลังไฮบริด ที่ควบกับเครื่องยนต์ Cosworth V12 ความจุ 6.5 ลิตร ทำกำลังได้ถึง 1,160 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 2.5 วินาที เตรียมทำออกมาขายเพียง 150 คันเท่านั้นด้วยราคา 96 ล้านบาท

รถยนต์ Aston Martin Valkyrie ไฮเปอร์คาร์ที่แพงสุดในโลก
10 อันดับรถที่แรงเเละแพงสุดในโลก update 2020 คือรุ่นที่มีการผลิตขายในปริมาณมากแล้ว แต่ยังมีรุ่นพิเศษที่ไม่เหมือนใครอีกมากมาย ที่มีราคาแพงด้วยความหายาก ขายในปริมาณน้อยสุด ๆ และมีราคาทะลุร้อยล้านบาทไปอีก ซึ่งมูลค่ารถในบทความนี้ เป็นราคาที่แปลงจากค่าเงินบาทเท่านั้น ยังไม่รวมภาษีนำเข้าและอื่น ๆ อีกมาก ใครที่มีเงินเหลือจริง ๆ แล้วชอบรถสุดขีดแบบนี้ ต้องไม่พลาดเอามาครอบครองนะครับ

