ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
7 สุดยอดรถที่มีมูลค่าประมูลสูงสุดในประวัติศาสตร์
25 Jun 2024
ตลาดรถคลาสสิคกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการเปลี่ยนมือด้วยยอดการประมูลระดับหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการรักษาประวัติศาสตร์ที่สามารถสัมผัสได้ ทั้งเป็นเครื่องจักรระดับตำนานที่มีเรื่องราวมากมาย โดยมีราคาค่าตัวสูงที่สุดในโลก
1956 Ferrari 290 MM
จัดประมูลโดย RM Sotheby จบยอดประมูล 28,050,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.03 พันล้านบาท) ในเดือนธันวาคม ปี 2015
รถแข่งรายการ Mille Miglia เมื่อปี 1956 ขับโดย Jean Fangio คว้าตำแหน่งที่ 4 โอเวอร์ออล ด้วยหมายเลขแข่ง 600 พร้อมมีเอกสารรับรองอันดับการผลิตที่ s/n 0626 โดยมีประวัติการแข่งขันที่น่าประทับใจ ทำให้มียอดราคาประมูลสูงเป็นพิเศษ
1954 Mercedes-Benz W196
จัดประมูลโดย Bonhams จบยอดประมูล 29,600,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.08 พันล้านบาท) ในเดือนกรกฎาคม ปี 2013
Mercedes-Benz W196 รุ่นปี 1956 ผลิตขึ้นเพียง 14 คัน ปัจจุบันมีเหลืออยู่ 10 คัน โดยเก็บอยู่กับบริษัท Mercedes-Benz 6 คัน, จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ 3 คัน และอีก 1 คัน หมายเลข 006/54 ครอบครองโดยนักสะสมเอกชน
1967 Ferrari 412P Berlinetta
จัดประมูลโดย Bonhams จบยอดประมูล 30,255,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.11 พันล้านบาท) ในเดือนสิงหาคม ปี 2023
Ferrari คันนี้เป็นรถที่มีราคาประมูลสูงสุดในการประมูลโดย Bonhams เมื่อปี 2023 ในมหกรรมยานยนต์ที่ Monterey ในแคลิฟอร์เนีย จากเจ้าของเดิมชาวอังกฤษ รถประสบความสำเร็จในการแข่งขันทั้งรายการของ FIA และ รายการแข่งที่ LeMans ขับโดย Richard Attwood และ David Piper หลังจากนั้นถูกจำหน่ายเป็นรถสะสมที่ผ่านเจ้าของหลายราย รวมถึง JCB ด้วย
1957 Ferrari 335S
จัดประมูลโดย Artcurial จบยอดประมูล 35,711,359 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.31 พันล้านบาท) ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016
Ferrari 335S รุ่นปี 1957 หมายเลขการผลิต 0647 ลงแข่งครั้งแรกในรายการแข่งขันเอนดูรานศ์ 12 ชั่วโมงที่ Sebring 1957 ขับโดย Peter Collins และ Maurice Trintignant จากนั้นเข้าร่วมการแข่ง Mille Miglia ขับโดย Wolfgang von Trips, และเข้าร่วมการแข่งขันเอนดูรานศ์ 24 ชั่วโมงที่ LeMans ขับโดย Mike Hawthorn จากนั้นได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับแนวหน้าอีกหลายรายการทั่วโลก
1962 Ferrari 250 GTO
จัดประมูลโดย Bonhams จบยอดประมูล 38,115,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.39 พันล้านบาท) ในเดือนสิงหาคม ปี 2014
Ferrari 250 GTO รุ่นปี 1962 จัดว่าเป็นรถที่ต้องการของนักสะสม โดยรุ่น 250 GTO มียอดการผลิตเพียง 39 คัน และมีการเปลี่ยนมือน้อยมาก สำหรับหมายเลข 3851 GT นับว่าเป็นรถที่ทำราคาได้สูงเป็นประวัติการณ์ ทั้งยังถูกครอบครองโดยครอบครัวเดียวเป็นเวลาถึง 39 ปี
1962 Ferrari 250 GTO
จัดประมูลโดย RM Sotheby จบยอดประมูล 48,405,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.77 พันล้านบาท) ในเดือนสิงหาคม ปี 2018
แม้ในทศวรรษที่ผ่านมาการประมูลรถคลาสสิคจะได้รับความนิยมน้อยลง แต่ไม่ใช่สำหรับรถ Ferrari คลาสสิคคันนี้ ซึ่งเป็นรถที่จบราคาประมูลสูงสุด ที่จัดโดย RM Sotheby ในงานแสดงรถ Monterey ในแคลิฟอร์เนีย
Ferrari คันนี้ผลิตในปี 1962 ใช้แชสซีส์หมายเลข 3413 ผลิตออกมาเป็นซีรีส์ I ก่อนการผลิตซีรีส์ II ในปี 1964 ซึ่งเป็นรุ่นที่หายากที่สุดในปัจจุบัน
Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe
จัดประมูลโดย RM Sotheby จบยอดประมูล 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5.31 พันล้านบาท) ในเดือนพฤษภาคม ปี 2022
Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe รุ่นปี 1955 เป็นรถที่มีราคาประมูลสูงที่สุดถึงราคา 135 ล้านยูโร หรือ 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5.31 พันล้านบาท) จัดประมูลโดย RM Sotheby ในเดือนพฤษภาคม ปี 2022 รถคันนี้เป็นรถหนึ่งในสองคันที่ผลิตออกมา เดิมครอบครองโดยบริษัท Mercedes-Benz และถูกนำออกประมูลเพื่อการช่วยเหลือด้านการกุศล
5 ความลับ ที่พาเฟอร์รารี่ (Ferarri) สู่แบรนด์ระดับ Luxury
03 ส.ค. 2024
15:18 น
สว่างมืด
ข่าวแนะนำ
กองทัพอากาศไทย เซ็นซื้อ Gripen E/F ล็อตแรก 4 ลำ แล้ว ส่งมอบฝูงบินบูรพาสันติได้ในปี 2025 – 2030 นี้25/08/68
โซลาร์เซลล์ทางเลือกใหม่ครัวเรือนไทยแบบ All-In-One จาก EnergyLIB ทางเลือกครบวงจรสำหรับบ้านยุคใหม่
พบฝาแฝดแร่คริปโตไนท์จากจักรวาลซูเปอร์แมน เชื่อจ่ายไฟรถ EV ได้เป็นล้านคัน !
มนุษย์สร้าง “เขื่อน” จนสะเทือนแกนโลก ขยับจากตำแหน่งเดิมถึง 1 เมตร !?
สรุปข่าว
เฟอร์รารี่ (Ferrari) แบรนด์รถยนต์ที่หลายคนใฝ่ฝันว่าอยากครอบครองเป็นเจ้าของสักครั้งในชีวิต เพราะเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความเร็ว ความหรูหรา ปัจจุบันม้าลำพองครองอันดับหนึ่งบริษัทมีมูลค่าสูงสุดเมื่อวัดจากอัตราส่วนของหุ้น โดยมีมูลค่ามากกว่า 50 เท่า ของผลกำไรบริษัท ในขณะที่แบรนด์กระเป๋า Hermes มีมูลค่ามากกว่ากำไร 48 เท่า และตามมาด้วยแบรนด์สินค้าหรู Louis Vuitton หรือ LVMH มีมูลค่ามากกว่ากำไร 23 เท่า
ความสำเร็จของค่ายเฟอร์รารี่ (Ferrari) จึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทแห่งนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร โดยบริษัทรถยนต์หรูแห่งนี้ก่อตั้งโดยเอ็นโซ เฟอร์รารี่ (Enzo Ferrari) ในปี พ.ศ. 2490 และประสบความสำเร็จทั้งในการผลิตรถยนต์เพื่อแข่งในสนาม และการขยายกิจการไปสู่การผลิตรถยนต์สำหรับใช้งานส่วนบุคคล บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2558 ล่าสุด CNBC สื่อต่างประเทศชื่อดังระดับโลก ได้บุกไปถึงสำนักงานของเฟอร์รารี่ที่ประเทศอิตาลี สัมภาษณ์พิเศษ เบเนเดตโต วินญา (Benedetto Vigna) ซีอีโอของม้าลำพอง เฟอร์รารี่
ความลับข้อที่ 1 การวางตัวให้เข้าถึงยาก (Play get to hard)
คำว่า Play get to hard ถ้าแปลตรงตัวก็อาจจะแปลว่า “เล่นตัว” แต่ในที่นี่น่าจะหมายถึง เฟอร์รารี่ได้วางตัวเองให้เข้าถึงยาก เพราะคนที่ต้องการรถแบรนด์นี้ โดยเฉพาะระดับแรร์ไอเทม มีเงินเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถซื้อได้ทันที จะต้องรอการผลิตตามคำสั่งซื้อ อย่างเช่น Ferrari Purosangue ซึ่งเป็นรถทรงคล้าย SUV (แต่เฟอร์รารี่กลับไม่อยากเรียกแบบนั้น เพราะเป็นรถครอสโอเวอร์ โดยเรียกว่า รถ 4 ประตู 2+2 ที่นั่ง) ต้องรอการผลิตถึง 3 ปี ซึ่งนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์นี้ ซึ่งความหายากและความพิเศษเฉพาะนี่แหละ ทำให้บนท้องถนน เฟอร์รารี่กลายเป็นสัตว์หายากและแปลกใหม่ คนที่เป็นเจ้าของก็จะรู้สึกพิเศษกว่าคนอื่น กลายเป็นสเน่ห์ของเฟอร์รารี่
ความลับข้อที่ 2 สร้างความรู้สีกพิเศษสุดให้กับลูกค้า
โดยความรู้สึกพิเศษเหล่านี้เกิดขึ้นจากคุณภาพของรถยนต์ส่งผลให้ลูกค้ามีความชื่นชอบประทับใจ รู้สึกเป็นที่ได้รับสิทธิพิเศษหากขับรถยนต์ของเฟอร์รารี่ (Ferrari) บนท้องถนน ตัวอย่างเช่น การออกแบบตัวรถยนต์ที่โดดเด่น เสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ ระบบส่งกำลัง ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ที่สร้างความรู้สึกมั่นใจเวลาขับขี่
ความลับข้อที่ 3 กลยุทธ์ด้านการกำหนดราคา
ในโลกของสินค้าหรูราคาแพงการกำหนดราคาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกค้าที่พร้อมจ่าย นั่นหมายความแบรนด์ต่าง ๆ สามารถกำหนดราคาที่ดูสูงกว่าสินค้าทั่วไปในท้องตลาด โดยราคาดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับต้นทุนและเทคโนโลยีขั้นสูงด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งนี้แบรนด์เฟอร์รารี่ทำได้เป็นอย่างดี เช่น บริษัทจะวางแผนกำหนดราคาของรถยนต์เอาไว้ล่วงหน้า 1 เดือนก่อนการเปิดตัว เพื่อประเมินการตอบรับของตลาด วางแผนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนซื้อว่าได้รถยนต์ในราคาที่เป็นธรรมไม่โดนเอาเปรียบหรือลดราคาตัดหน้าหลังจากซื้อรถยนต์ไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์อื่น ๆ เช่น การผลิตรถยนต์ในจำนวนจำกัด เป็นต้น
ความลับข้อที่ 4 วางตำแหน่งให้เป็นกลุ่มสินค้า VIP ในตลาด
แบรนด์รถยนต์เฟอร์รารี่วางตำแหน่งให้ตัวเองเป็นผู้เล่นกลุ่มสินค้าสำหรับบุคคล VIP รถยนต์มีความพิเศษและคนธรรมดาไม่สามารถซื้อเป็นเจ้าของได้ ทำให้รถยนต์ของเฟอร์รารี่กลายเป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคมอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับแบรนด์กระเป๋าหรูหรือสินค้าราคาแพงอื่น ๆ ด้วยแนวคิดที่ว่าแบรนด์ผลิตสินค้าที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่ภักดีกับแบรนด์มากที่สุด และพร้อมจ่ายเงินแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยมูลค่ารถยนต์ที่สูง
ความลับข้อที่ 5 ให้ความสำคัญกับพนักงาน
คุณภาพชีวิตและสวัสดิการของพนักงานเป็นสิ่งที่แบรนด์เฟอร์รารี่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ด้วยความเชื่อที่ว่าเมื่อพนักงานมีความสุขในการทำงาน สิ่งต่าง ๆ จะถูกสะท้อนออกมาในผลงานรถยนต์ที่มีคุณภาพขั้นสูง รถยนต์ถูกผลิตออกมาอย่างตั้งใจด้วยความละเอียด โดยนอกจากเงินเดือนบริษัทยังเปิดโอกาสให้พนักงานแต่ละคนมีส่วนในการถือหุ้นของบริษัท เพื่อแบ่งปันผลกำไรและประโยชน์อื่น ๆ ที่จะได้พร้อมกับบริษัท ด้วยแนวคิดพนักงานเป็นศูนย์กลางของบริษัท เสมือนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของบริษัท