• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1607187 ปากบอกแค เพ อน หร ออยากเล อนมาเป นน อย part 2

admin79 by admin79
July 15, 2025
in Uncategorized
0
N1607187 ปากบอกแค เพ อน หร ออยากเล อนมาเป นน อย part 2

10 ธุรกิจทำเงินสูงสุดในไทย ปี 2566 ปิโตรเลียมยังนำแต่พลังงานสะอาดมาแรง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยผลสำรวจธุรกิจทำเงินสูงสุดประจำปี 2566 พบกลุ่มธุรกิจเดิมยังคงครองแชมป์ 3 อันดับแรก โดยมีกลุ่มปิโตรเลียม, เครื่องประดับ และยานยนต์ นำทัพสร้างรายได้มหาศาล อย่างไรก็ตาม รายได้ของกลุ่มปิโตรเลียมมีแนวโน้มชะลอตัวลงเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นผลจากการเติบโตของพลังงานทางเลือกที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาด ข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์งบการเงินของนิติบุคคลกว่า 80% ทั่วประเทศ จะเผยให้เห็นถึงภาพรวมและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและอนาคต

10 ธุรกิจทำเงินสูงสุดในไทย ปี 2566 ปิโตรเลียมยังนำแต่พลังงานสะอาดมาแรง

10 ธุรกิจทำเงินสูงสุดในไทย ปี 2566 ปิโตรเลียมยังนำแต่พลังงานสะอาดมาแรง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินประจำปี 2566 พบว่า 10 อันดับธุรกิจที่มีรายได้สูงสุดยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจเดิมจากปี 2565 โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม, เครื่องประดับ (ทั้งขายส่งและขายปลีก), ยานยนต์ (ผลิต, ชิ้นส่วน, และขาย), ธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์, และพลังงาน (ขายปลีกและขายส่งเชื้อเพลิง) เป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่สร้างรายได้สูงสุด อย่างไรก็ตาม รายได้ของบางกลุ่มธุรกิจ อาทิ กลุ่มปิโตรเลียมและพลังงาน มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นผลจากการเติบโตของพลังงานทางเลือกที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า “ข้อมูลนี้ได้จากการวิเคราะห์งบการเงินของนิติบุคคลกว่า 80% ที่ปิดบัญชี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมและแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างชัดเจน”

10 อันดับธุรกิจที่มีรายได้สูงสุดประจำปี 2566

916685
อันดับที่ประเภทธุรกิจรายได้ (2566)% เปลี่ยนแปลงจาก 2565รายได้ธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุด% รายได้รวมจากธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุด
1ธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโรงกลั่นปิโตรเลียม3.84 ล้านล้านบาท-7.50%3.83 ล้านล้านบาท99.89%
2ธุรกิจขายส่งนาฬิกาและเครื่องประดับ3.12 ล้านล้านบาท13.67%3.09 ล้านล้านบาท99.01%
3ธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องประดับ2.39 ล้านล้านบาท26.42%1.79 ล้านล้านบาท74.53%
4ธุรกิจผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล1.56 ล้านล้านบาท11.57%1.55 ล้านล้านบาท99.96%
5ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับยานยนต์1.55 ล้านล้านบาท5.05%1.47 ล้านล้านบาท94.45%
6ธุรกิจขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถนั่งส่วนบุคคลฯ1.45 ล้านล้านบาท2.33%1.28 ล้านล้านบาท88.49%
7ธนาคารพาณิชย์1.11 ล้านล้านบาท21.17%1.11 ล้านล้านบาท100%
8ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์1.07 ล้านล้านบาท1.13%0.68 ล้านล้านบาท63.54%
9ธุรกิจขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ในร้านเฉพาะสถานีบริการน้ำมัน1.02 ล้านล้านบาท-2.38%0.58 ล้านล้านบาท56.95%
10ธุรกิจขายส่งเชื้อเพลิงเหลว0.96 ล้านล้านบาท-3.82%0.91 ล้านล้านบาท94.88%

จากตารางจะเห็นได้ว่าในปี 2566 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้สูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยมูลค่า 3.84 ล้านล้านบาท แม้ว่าจะมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ 7.50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงเป็นผู้สร้างรายได้หลักในกลุ่มนี้ คิดเป็นสัดส่วน 99.89% ของรายได้ทั้งหมด

ด้านธุรกิจขายส่งและขายปลีกนาฬิกาและเครื่องประดับมีการเติบโตอย่างโดดเด่น ก้าวขึ้นสู่อันดับที่สองและสามตามลำดับ ด้วยมูลค่ารายได้ 3.12 ล้านล้านบาทและ 2.39 ล้านล้านบาทตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.67% และ 26.42% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยการเติบโตนี้เป็นผลมาจากความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มธุรกิจยานยนต์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยครองอันดับที่สี่ถึงหก ธุรกิจผลิตรถยนต์ส่วนบุคคลมีรายได้ 1.56 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.57% ตามมาด้วยธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมสำหรับยานยนต์ที่ 1.55 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.05% และธุรกิจขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถนั่งส่วนบุคคลที่ 1.45 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.33%

ธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยรายได้ 1.11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.17% ขึ้นสู่อันดับที่เจ็ด ในขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีรายได้ 1.07 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.13% อยู่ในอันดับที่แปด แม้ว่าจะมีกระแสรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในตลาด แต่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงยังคงสร้างรายได้สูง โดยอยู่ในอันดับที่เก้าและสิบ ธุรกิจขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ในร้านเฉพาะสถานีบริการน้ำมันมีรายได้ 1.02 ล้านล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ 2.38% และธุรกิจขายส่งเชื้อเพลิงเหลวมีรายได้ 0.96 ล้านล้านบาท ลดลง 3.82%

จะเห็นได้ว่าธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นผู้สร้างรายได้หลักในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มเดิมครองแชมป์ แต่ปิโตรเลียมชะลอตัวตามกระแสพลังงานสะอาด

10 ธุรกิจทำเงินสูงสุดในไทย ปี 2566 ปิโตรเลียมยังนำแต่พลังงานสะอาดมาแรง

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าสรุปว่า “จากการวิเคราะห์ข้อมูลรายได้ของธุรกิจ 10 อันดับแรกในปี 2566 พบว่าภาพรวมของธุรกิจที่ติดอันดับยังคงสอดคล้องกับปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 อันดับแรกที่ยังคงรักษาตำแหน่งไว้ได้อย่างมั่นคง รายได้ของธุรกิจส่วนใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีเพียงบางกลุ่มธุรกิจเท่านั้นที่มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมและน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้พลังงานที่หลากหลายมากขึ้น”

แม้ภาพรวมธุรกิจไทยในปี 2566 จะยังคงเติบโตได้ดี แต่การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจพลังงานที่อาจได้รับผลกระทบจากการเติบโตของพลังงานทางเลือก การปรับตัวและการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

Previous Post

N1607186 ทำต วแบบบ านๆจำเป นต องได แฟนหล อขนาดน วยหร อ#ดราม #สะท อนสะคม part 2

Next Post

N1607188 บร ทค แข หว งแย งส วนแบ งการตลาด part 2

Next Post
N1607188 บร ทค แข หว งแย งส วนแบ งการตลาด part 2

N1607188 บร ทค แข หว งแย งส วนแบ งการตลาด part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2209733 ทำไมช ตฉ องมาเจอก บผ ชายฮ วยแตกด วยน าาา part 2
  • N2209738 เม ยเก า part 2
  • N0809058 ความร การแต งงาน นเป นหน าท part 2
  • N0809057 คนท อย องนอนเราค อใครคะ part 2
  • N0909190 บพ ธธ ระก จครอบคร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • September 2025
  • August 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.